ทำความรู้จักถั่วพู
หากว่าไม่เคยเห็นหน้าตาของยำถั่วพูมาก่อน จากในหนังสือก็ คงไม่คิดสั่งมารับประทาน เพราะความไม่คุ้นเคยของเรา เพราะเคยรู้สึกเอาเอง ว่า ฝักถั่วพูช่างน่าเหม็นเขียวอะไรอย่างนั้น เข้าใจถั่วพูผิด ๆ อยู่นานทีเดียว จนเมื่อได้ลองลิ้มยำถั่วพูจานแรกเข้าไป เมื่อนั้นก็เป็นต้องสั่งมาขึ้นโต๊ะทุกคร้งที่ได้ไปนั่งร้านอาหาร จะเป็นยำแบบเปรี้ยวที่ไม่ใส่กะทิแต่มีพริกขี้หนู หรือจะเป็นยำแบบมัน ๆ มีกะทิมีพริกเผาก็เยี่ยม บางสูตรก็มีมะพร้าวคั่ว เติมมาให้กลมกล่อมยิ่งขึ้น หรือจะแค่ลวกจิ้มน้ำพริก ใส่ในขนมจีน ไม่ว่าจะกินกับน้ำยาแบบใดก็เด็ดทั้งนั้น
บาง คนชอบกินสด รสจะมัน ๆ หรือไม่ชอบแบบสดก็ผักเล็กน้อยกับน้ำมันแล้วกินกับน้ำพริกหรือขนมจีน จะหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วผสมลงในทอดมันก็ได้เมนูเด็ดที่ชาวปักษ์ใต้นิยมก็คือแกงไตปลา ที่บางที่ก็ใส่ถั่วพูลงไปเพิ่มรสให้มันสะใจยิ่งขึ้น หากจะรับประทานฝักถั่วพูก็ควรรับประทานฝักอ่อนที่ยังไม่มีเมล็ด นอกจากผลที่เป็นฝักแล้ว ดอกอ่อน ยอดอ่อนก็ยังรับประทานได้อีกด้วย
ทางแม่ฮ่องสอนเรียกถั่วพูว่า “บ่อบะปะหลี” คงเป็นภาษาไทยใหญ่กระมัง
ชื่อ : ถั่วพู
ชื่อสามัญ : Winged bean
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Prosphocarpvs tetragonolobus (L.) DC
วงศ์ : PAPILIONEAE
ประโยชน์ของถั่วพู
คุณค่าสมุนไพรของ ถั่วพูมีมากเหมือนคุณค่าทางอาหารโดยมีส่วนที่ใช้เป็นยา คือ หัว และราก ส่วนหัวใช้บำรุงกำลัง แก้อ่อนเพลีย ทำให้รู้สึกปลอดโปร่ง แก้ร้อนในกระหายน้ำ วิธีใช้โดยนำมาตากแห้ง หั่นแล้วคั่วไฟให้เหลือง ชงดื่ม เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการอ่อนเพลีย ใครที่ชอบเครียด เดี๋ยวเครียดเดี๋ยวเครียดก็น่าพิจารณาอยู่เหมือนกัน พิจารณานาน ๆ เดี๋ยวก็หิว เดี๋ยวก็ต้องสั่งยำถั่วพูมาสักจาน แก้เครียด ท้องอิ่มแล้วความเครียดก็ลดลงเสมอ
ใบยอดอ่อนและเมล็ดมีโปรตีนสูง ซึ่งช่วยย่อยไขมันอิ่มตัว ส่วนรากใช้รักษาอาการปวดมวนท้อง รักษาโรคลมพิษกำเริบ
ต้อง ลองสัมผัสจึงเรียนรู้ว่า บางทีสิ่งที่เราเคยเชื่อหรือคิดว่าเป็นจริงอาจไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้ เหมือนถั่วพูนั่นอย่างไร จากที่เคยเข้าใจถั่วพูผิด ๆ อยู่นานว่าน่าจะเหม็นเขียว ตอนนี้เปลี่ยนใจกลับมารักถั่วพูผู้มีปีกแล้วเรียบร้อยเหมือนหนังไทยที่ พระเอกกับนางเอกมักเข้าใจผิดกันก่อน แล้วก็ต้องกลับมารักกัน เพราะเห็นความดีมีคุณค่า รสชาติที่เอร็ดอร่อย และได้ลองใจ (กิน) กันแล้วเรียบร้อย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
วราภรณ์ วิชญรัฐ, ไม้เลื้อยกินได้, สุรีวิยาสาส์น กรุงเทพมหานคร,2548. 120 หน้า